October 26, 2020
คำถามโลกแตกที่หลายๆคนสงสัยและพยายามหาคำตอบนั่นคืออยากสร้างบ้านซักหลังแต่จะเลือกบริษัทรับเหมาก่อสร้าง หรือ บริษัทรับสร้างบ้านดีกว่ากัน โดยทั่วไปนั้น คนส่วนใหญ่จะเลือกเดินหาบริษัทรับสร้างบ้านก่อน เนื่องจากจับต้องได้ ดูน่าเชื่อถือ และมีแบบบ้านให้เห็นหรือสามารถดูได้ทันที ซึ่งในความเป็นจริงนั้น มีบริษัทรับเหมาก่อสร้าง มากมายที่มีมาตรฐานและมีการจัดการที่ดีเยี่ยมพร้อมให้บริการครบวงจรเช่นกัน วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียต่าง ๆ ระหว่างการจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน และ การจ้างบริษัทรับเหมา เพื่อสร้างบ้านให้คุณกันครับ
1. ความอิสระของงานออกแบบ
บริษัทรับสร้างบ้านส่วนใหญ่ จะมี แบบบ้านสำเร็จรูปไว้พร้อมให้ลูกค้าได้เลือก โดยจะมีการกำหนดรูปแบบและวัสดุสำหรับส่วนต่าง ๆ ของบ้านไว้พร้อม ซึ่งถือเป็นข้อดีสำหรับลูกค้าที่อยากเห็นหน้าตาและเลือกแบบบ้านที่ตัวเองต้องการได้เหมือนเลือกซื้อของจากร้านค้าทั่วไป พร้อมทั้งรู้งบประมาณที่ค่อนข้างละเอียด หากแต่จะมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงนอกเหนือจากแบบที่มีอยู่ได้มากนัก หรือหากไม่ถูกใจกับชนิดหรือเกรดวัสดุอุปกรณ์ที่จัดมาให้ ก็ลำบากที่จะเปลี่ยนแปลกได้ตามต้องการหรือมีการเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มบานปลาย ในทางตรงกันข้าม การเลือกใช้บริการจากบริษัทรับเหมาจะสามารถตอบโจทย์ความอิสระของงานออกแบบได้มากกว่าเนื่องจาก บริษัทรับเหมาจะช่วยคัดสรรหาสถาปนิกเพื่อช่วยในการออกแบบให้ตรงตามความต้องการและเหมาะสมของลูกค้าพร้อมทั้งให้คำแนะนำในกรณีที่มีข้อจำกัดต่าง ๆซึ่งจะทำการออกแบบขึ้นใหม่โดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อตอบโจทย์ทั้งเรื่องรสนิยมความชอบส่วนตัว การใช้งานที่หลากหลายหรือเฉพาะเจาะจง รูปแบบที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องงบประมาณซึ่งทางบริษัทรับเหมาสามารถแนะนำในการเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของลูกค้าแต่ละคนได้โดยที่ไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมซึ่งหมายความว่าลูกค้าสามารถควบคุมงบประมาณการก่อสร้างได้
2. ความประณีตและคุณภาพงานก่อสร้าง
คุณภาพงานก่อสร้างอาจไม่ใช่สิ่งที่สามารถตัดสินได้จากการมองเพียงภายนอกหรือเพียงข้ามวัน แต่เราอาจจะต้องใช้เวลาข้ามปีเพื่อตัดสินว่า บ้านที่เราสร้างมีคุณภาพที่ดีหรือมีปัญหาอะไรเมื่อเราได้เข้าไปใช้อยู่จริง งานก่อสร้างที่เสร็จสิ้นนั้นบางที่ไม่สามารถดูจากรูปแบบภายนอกได้เนื่องจากวัสดุปิดผิดทำการปิดบังคุณภาพงานที่แท้จริงอยู่ซึ่งจะเห็นผลประทบก็ต้องใช้ระยะเวลาผ่านการใช้งานถึงจะแสดงปัญหาตามมานั้นเอง ตัวอย่างเช่น บ้านที่สร้างเสร็จในฤดูร้อน อาจพบว่ามีการรั่วซึมเมื่อมีฝนตกหนักในฤดูฝน เป็นต้น ปัญหาคุณภาพเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทั้งบริษัทรับสร้างบ้านและ บริษัทรับเหมาต้องคำนึงถึงเสมอ บริษัทรับสร้างบ้านส่วนใหญ่เมื่อได้รับการว่าจ้างจากลูกค้า บริษัทก็จะเรียกใช้บริการจากผู้รับเหมารายย่อยเพื่อทำการก่อสร้างให้อีกทอดหนึ่ง ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่คุณภาพงานก่อสร้างของผู้รับเหมารายย่อย จะไม่เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพที่บริษัทกำหนด ซึ่งกว่าจะพบปัญหาก็อาจจะช้าเกินไป หรือในบางกรณีที่มีปัญหาจากผู้รับเหมารายย่อย ทำให้ทางบริษัทรับสร้างบ้านต้องจัดหาผู้รับเหมาทีมใหม่เข้ามาก่อสร้างต่อ
การก่อสร้างที่มีผู้รับเหมาหลายทีม เข้ามาก่อสร้างบ้านหนึ่งหลังอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การก่อสร้างเกิดปัญหาเรื้อรังตามมาได้ในอนาคต เพราะผู้รับเหมาที่ได้รับงานต่อมา ไม่ทราบถึงรายละเอียดการก่อสร้างของผู้รับเหมาทีมก่อนหน้า ถึงแม้ว่าทางบริษัทรับสร้างบ้านจะรับประกันและหาผู้ซ่อมแซมแก้ไขจนกว่าจะแล้วเสร็จ แต่ก็อาจสร้างความเดือดร้อนต่อลูกค้าไม่น้อยเช่นกัน ในขณะที่บริษัทรับเหมาที่ได้มาตรฐานจะมีการจัดการทรัพยากรและบุคลากรที่ครบครันเพื่อรองรับงานที่ชำนาญและให้ความสำคัญในทุกขั้นตอนการก่อสร้างจนถึงการรับประกันหลังการขายด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีบริษัทคู่ค้าและบริษัทพันธมิตรที่มีประสบการณ์ทำงานร่วมกันมาเป็นเวลานาน และสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว ทั้งนี้เนื่องมาจากคุณภาพของงานก่อสร้างคือภาพสะท้อนโดยตรงถึงคุณภาพและชื่อเสียงของบริษัทคู่ค้าเหล่านั้น ซึ่งทำให้การทำงานร่วมกันเป็นไปได้อย่างยั่งยืน การก่อสร้างที่รู้ที่มาและสามารถติดตามรายละเอียดขั้นตอนการก่อสร้างได้ตั้งแต่ต้น จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในเรื่องคุณภาพให้กับลูกค้าได้
3. ความคุ้มค่าของการใช้จ่าย
บริษัทรับสร้างบ้านส่วนใหญ่จะดึงดูดลูกค้าด้วยราคาการก่อสร้างต่อตารางเมตรที่ถูกมาก แต่มักจะมีเงื่อนไขเรื่องกาควบคุมวัสดุและการเปลี่ยนแปลงแบบค่อนข้ามมาก เช่น เหมาราคาก่อสร้างที่17,000 บาท/ตร.ม. ระบุให้ใช้กระเบื้องเกรด A ราคา 200-700 บาทไม่ว่าสุดท้ายจะใช้กระเบื้อง ตร.ม.ละ 200 หรือ 700 บาท ลูกค้าก็ต้องจ่ายเงินในราคาเหมา 17,000 บาท/ตร.ม.เท่าเดิม หรือใช้การเปิดช่องว่างของแบรนด์สินค้าโดยไม่ระบุผู้ผลิตให้เฉพาะเจาะจง ด้วยตัวเองเหตุนี้จึงทำให้เกิดช่องว่าของส่วนต่างราคาที่กำหนดและที่ใช้จริงได้
การใช้บริษัทผู้รับเหมาที่มีมาตรฐานอาจจะไม่ใช้ทางเลือกที่ได้ราคาถูกที่สุดในการสร้างบ้าน แต่เป็นทางเลือกที่ให้ความคุ้มค่าที่สุดต่อการใช้จ่ายสำหรับลูกค้า เนื่องจาก การคิดราคาการก่อสร้างนั้นคิดจากการใช้ตามจริงของวัสดุนั้น ๆ หากมีการเลือกใช้วัสดุที่ราคาประหยัด ราคาก่อสร้างก็ใช้งบที่ถูกลง ถ้าใช้วัสดุเกรดสูงราคาก่อสร้างก็จะเพิ่มตามไปด้วยเช่นกัน ซึ่งไม่ได้เกิดจากการคิดเหมารวมอย่างบริษัทรับสร้างบ้าน อีกส่วนหนึ่งคือบริษัทรับเหมาก่อสร้างไม่ใช่บริษัทแฟรน์ไชน์ จึงไม่มีการเสียเงินส่วนต่างของการจัดจ้างผู้รับเหมาหรือการเรียกเก็บค่าดำเนินการต่ออีกทอดหนึ่งซึ่งเป็นที่มาของค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของหลายบริษัท ดังนั้นหากราคาก่อสร้างจากผู้รับเหมาที่ได้มาตรฐานคือ 17,000 บาทต่อตารางเมตร ลูกค้าก็จะสามารถมั่นใจได้ว่าเป็นราคาที่ลูกค้าจะได้คุณภาพอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยที่สุด
4. ความสะดวกของลูกค้า
หัวข้อนี้เป็นหนึ่งในข้อกังวลของคนส่วนใหญ่ที่มองว่าการเลือกใช้ผู้รับเหมาจะทำให้มีความลำบากในการต้องจัดการและการเตรียมตัวที่มากกว่าการเลือกใช้บริษัทรับสร้างบ้าน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว บริษัทรับเหมาที่ได้มาตรฐานจะมีทีมงานที่พร้อมอำนวยความสะดวกให้ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มวางแผนจัดการที่ดินหรือแม้กระทั่งติดต่อประสานงานกับทางราชการซึ่งให้ความสะดวกสบายไม่ต่างจากบริษัทรับสร้างบ้าน เรียกได้ว่าแค่มีความคิดอยากสร้างบ้านของตัวเองก็สามารถเดินเข้ามาพูดคุยกับทีมงานบริษัทรับเหมาได้แบบ one stop service
จากที่กล่าวมานั้นจะเห็นได้ว่าการเลือกใช้ผู้รับเหมาที่ได้มาตรฐานนั้นมีข้อดีมากมายที่สามารถสร้างความคุ้มค่าให้กับลูกค้าที่มองหาทีมงานเติมเต็มความฝันของการสร้างบ้านของตัวเองได้เป็นอย่างดีและในความเป็นจริงนั้นไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ การก่อสร้างในแบบ made to order จากผู้รับเหมาก็เหมือนกับการสั่งตัดเสื้อสูท ที่ต้องมีการพูดคุยวัดตัวกับช่าง มีการสอบถามความต้องการ เพื่อจะสามารถออกแบบให้ถูกใจ เหมาะสม และพอดีกับผู้ใส่มากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้ย่อมคุ้มค่าและตอบโจทย์ความต้องการมากกว่าการเดินเข้าร้านและหยิบเสื้อหนึ่งตัวจ่ายเงินแน่นอน
April 8, 2020