1. เลือกตำแหน่งให้ WORK!

พื้นที่ที่ส่งเสริมในการทำงานที่ดี ประกอบด้วย มีแสงสว่างตามธรรมชาติเข้าถึง (access to natural light), มีอุณหภูมิที่เหมาะสม (comfortable temperature) และมีคุณภาพอากาศที่ดี (good air quality)  การเปิดพื้นที่โล่งโปร่งจะช่วยให้สภาพจิตใจนั้นเปิดกว้าง และลดความตึงเครียดในการทำงานลงได้ แน่นอนว่าการรื้อเพดานห้องให้สูงขึ้นไม่ใช่ทางออกของทุกคน แต่การนำโต๊ะทำงานไปไว้ใกล้ๆหน้าต่างนั้น สามารถช่วยได้โดยไม่กระทบเงินในกระเป๋าของคุณ ผู้เชียวชาญยังนะนำอีกว่า หากไม่ชอบการนั่งใกล้หน้าต่างก็ควรหันโต๊ะทำงานเข้าหาตัวห้องที่กว้าง เพื่อให้ตาของคุณสามารถผ่อนคลายเมื่อมองไปรอบ ๆ มากกว่าการหันหน้าเข้าหาผนังห้องที่ห่างไปแค่ไม่กี่ฟุต 

2. ตกแต่งสิ่งแวดล้อมให้ WORK!

จากผลการศึกษาเรื่องสีของสภาพแวดล้อมพบว่า สีต่าง ๆมีผลต่ออารมณ์ สมาธิ และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ได้ เช่น แต่งห้องด้วยสีฟ้า ช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงาน สีแดงช่วยให้เราใส่ใจและให้ความสำคัญในรายละเอียดมากขึ้น สีเขียวช่วยให้คนเรามีจินตนาการมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราสามารถตกแต่งได้ง่ายๆด้วยการวางภาพวาด หรือเอาต้นไม้ขนาดเล็กมาตกแต่งโต๊ะทำงานซึ่งช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายไปในเวลาเดียวกันนอกจากนี้ การลงทุนกับอุปกรณ์ดี ๆ สำหรับการทำงาน (comfortable furniture) เช่น หน้าจอที่ช่วยถนอมสายตา โต๊ะ และ เก้าอี้ที่เอื้อต่อสรีระการทำงาน เพื่อป้องกันอาการปวดเมื่อยต่างๆ ที่อาจนำไปสู่ โรค office syndrome

3. สร้างบรรยากาศให้ WORK!

บรรยากาศรอบ ๆ ตัวก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ห้องที่เงียบเกินไปหรือมีเสียงดังเกินไป อาจทำให้เราไม่มีสมาธิในการทำงาน จากผลการวิจัยแนะนำว่า เสียงดังประมาณ 70 decibels  นั้นเหมาะสำหรับการสร้างสมาธิในการทำงานที่สุดซึ่งการเปิดเพลงบรรเลงนั้นสามารถช่วยได้มากกว่าการเปิดเพลงที่มีเนื้อร้องเพลงเพราะเนื้อร้องจะสามารถดึงความสนใจของเราไปได้เช่นกัน